เคล็ดลับวิธี เอาชนะความทุกข์ ในยุคปัจจุบัน
PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้นะครับผมจะมาพูดคุย ในเรื่องของเคล็ดลับวิธี เอาชนะความทุกข์ ในยุคปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องนี้ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า การที่เราจะเอาชนะกับความทุกข์ ในยุคปัจจุบันนี้ได้ เราจะต้องมีสมาธิ และมีสติอยู่กับตัวเสมอ เพราะไม่อย่างนั้น เราจะมีความทุกข์รายวัน ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ จากเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก หรือแม้แต่เรื่องครอบครัว ท่านว่า ถ้าเราจะเอาชนะ กับความทุกข์เหล่านี้ได้ จิตใจของเรา ก็จะสงบลง แต่การที่เราจะทำให้จิตใจสงบลงได้นั้น เราจะฝึกทำด้วยตัวเราเอง ซึ่งวิธีฝึกนั้น ท่านว่ามีดังต่อไปนี้
เคล็ดลับที่ 1. รู้จักฝึกตัวเองให้เข้าใจในธรรมชาติว่า อะไรก็ตามที่มันผ่านมาแล้ว เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เพราะสิ่งทั้งหลาย มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เวลาที่เรามีความสุข ก็ให้เข้าใจว่า เดี๋ยวความสุขที่เรามีอยู่นั้น อีกไม่นานก็จะผ่านไป และเช่นดียวกัน เมื่อเราเจอกับความทุกข์ ก็ให้เข้าใจ และเรียนรู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์มันก็ผ่านไปเช่นกัน ดังนั้น เวลาที่เราพบเจอ กับอุปสรรค และปัญหาต่างๆ หรือสถานการณ์ที่เลวร้าย เรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ก็ให้เข้าใจ และให้รู้ทันว่า เรื่องต่างๆ เหล่านี้ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว อีกไม่นาน เดี๋ยวมันก็ดับไป และเรื่องร้ายๆ เหล่านี้ มันก็จะไม่อยู่กับเรา ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
เคล็ดลับที่ 2. รู้จักฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ อย่าไปมองตัวเองให้ใหญ่เกินไป เพราะการเป็นคนตัวเล็ก ที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในการดำเนินชีวิต อยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งถ้าเราเป็นคนตัวใหญ่ ด้วยการอวดดี อวดเก่ง มันมีแต่จะทำให้เรานั้น ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข แถมอาจจะมีความทุกข์รายวันอีกด้วย ฉะนั้น อย่าไปเบ่งกับใคร อย่าทำตัวเอง ให้เป็นคนสำคัญมากไป อย่าไปเด่นเกินใครเขา อะไรที่ไม่ดี ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็อย่าไปทำมัน และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ก็อย่าไปให้ความสำคัญ กับตัวเรามากเกินไป ท่านว่า จงเป็นคนธรรมดา ที่รู้จักเข้าใจคนอื่น เข้าใจสังคม เข้าใจตัวเอง และเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จะทำให้เราใช้ชีวิต ได้อย่างมีความสุขมากกว่า
เคล็ดลับที่ 3. รู้จักฝึกตัวเองให้เป็นคนสบายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่จู้จี้ขี้บ่น หรือทำตัวน่ารำคาญมากเกินไป เพราะการที่เราไปหลง หรือไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ มันมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์ ท่านว่า ความสมบูรณ์แบบนั้น มันไม่มีอยู่จริงในโลก ซึ่งถ้าใครมัวแต่ไปหลงมัวเมา อยู่กับความสมบูรณ์แบบ ว่าความสมบูรณ์แบบนั้นมีอยู่จริง ชีวิตของเขาทั้งชีวิต ก็ยากที่จะอยู่อย่างสงบสุข และมีความสุขได้ ฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากอยู่ อย่างคนมีความทุกข์ตลอดเวลา เราก็จะต้องเรียนรู้ ที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ได้ และอย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบให้มาก
เคล็ดลับที่ 4. รู้จักฝึกตัวเองให้เป็นคนนิ่งๆ และรู้จักพูดแต่สิ่งที่ดี ทำวาจาให้เป็นทิพย์ ซึ่งอันไหนที่ไม่ดี เรื่องอะไรที่ไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ เราก็อย่าไปพูดมาก หรือถ้าหากจำเป็น ที่เราจะต้องพูด ก็ขอให้คิดก่อนพูด ว่าสิ่งที่เราจะพูดไปนั้น มันมีผลกระทบ มีความเสียหาย หรือมีผลอะไรตามมาหรือไม่ ท่านว่า การที่เราจะพูด ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้น จะถูกหรือผิดก็ตาม แต่ถ้ามันไม่ดี หากเป็นไปได้ เราก็ไม่ต้องพูด เพราะการที่เราจะพูด หรือไปวิจารณ์อะไรก็ตาม ในทางเสียหาย มันมีแต่ จะทำให้จิตใจของเรา ตกต่ำ และขุ่นมัว ฉะนั้น เราต้องรู้จักฝึกตัวเอง ให้เป็นคนนิ่งๆ รู้จักคิดก่อนพูด และทำวาจาให้เป็นทิพย์
เคล็ดลับที่ 5. รู้จักฝึกตัวเอง ให้เข้าใจ ในเรื่องการนินทา เพราะเราทุกคนที่เกิดมานั้น ไม่มีใคร ที่จะไม่ถูกนินทา ฉะนั้น เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราก็จะต้องรู้ตัวเองว่า เราจะต้องถูกนินทาอย่างแน่นอน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเราถูกคนอื่นนินทา ก็ให้รู้ว่า เรามาถูกทางแล้ว ซึ่งหมายความว่า เรายังมีตัวตนอยู่ ท่านว่า คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาของคนอื่น ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยู่อย่างไม่เป็นสุข คนเหล่านี้ เป็นคนที่ไม่รู้เท่าทันโลก เพราะในโลกนี้ ชีวิตจริง แม้แต่คนที่เป็นพ่อแม่ ก็ยังนินทาลูก หรือลูกบางคน ก็ยังนินทาพ่อแม่เช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ที่จะไม่นินทาว่าร้ายเรา ฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากให้ใครนินทา เราก็ต้องห้ามตัวเองก่อน ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ได้ มันก็ยากที่คนอื่นจะไม่นินทาเรา ดังนั้น เราจะต้องเข้าใจว่า เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราจะต้องถูกคนอื่น นินทาอย่างแน่นอน
เคล็ดลับที่ 6. รู้จักฝึกตัวเอง อย่าเป็นคนที่สะสมมากเกินไป ซึ่งอะไรที่เราสละได้ เราก็ควรสละทิ้ง เพราะการที่เรา จะสะสมอะไรสักอย่างนั้น มันจะเป็นภาระให้กับเราอย่างมาก เพราะในโลกนี้ ท่านว่า ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้ว จะไม่เป็นภาระ หรือในบางครั้ง การที่เราสะสมแล้ว มันก็อาจจะเป็นภาระของคนอื่นด้วย และนอกจากนำความทุกข์ มาให้กับตัวเราเอง มันก็ยังนำความทุกข์ ไปให้คนอื่นอีกด้วยเช่นกัน ฉะนั้นท่านว่า ถ้าเราอยากจะสะสมจริงๆ เราก็ควรจะสะสมความดี เพราะการสะสมอย่างอื่น ที่นอกเหนือจากความดีแล้ว หากเราสะสมเอาไว้มากๆ ล้วนแต่เป็นภาระให้กับเราทั้งสิ้น
เคล็ดลับที่ 7. รู้จักฝึกตัวเอง ให้เลิกเป็นขี้ข้าของเงิน แล้วหัดพอใจ กับสิ่งที่เรามีอยู่ อย่างเช่น ปัจจุบันนี้ เสื้อผ้า รถยนต์ มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ เรามีอะไรอยู่ ถ้ามันยังใช้ได้ ก็จงรู้จักพอใจกับมัน เราอย่าไปอยากมี อยากได้เกินความจำเป็น เพราะมันจะทำให้เราเดือดร้อน ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อทำตามกิเลสของตัวเอง ท่านว่าการที่เรา จะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้นั้น เราจะต้องรู้จักคิด รู้จักหยุด และรู้จักพอ เพราะหากเรารู้จักพอแล้ว เราก็ไม่ต้องหาเงินมาก เกินความจำเป็น และเมื่อเราไม่ต้องดิ้นรนมาก เราก็จะมีโอกาสทำอะไรอย่างอื่น ที่มากกว่าการหาเงิน แถมยังจะมีเวลาให้กับตัวเอง และมีเวลาให้กับครอบครัวอีกด้วย
เคล็ดลับที่ 8. รู้จักฝึกตัวเอง ให้รู้จักเสียสละ และยอมเสียเปรียบคนอื่นบ้าง ซึ่งการที่เรา ยอมเสียเปรียบคนอื่นนั้น ในบางครั้งท่านว่า มันก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะใครก็ตาม ที่บ้าความถูกต้อง หรือบ้าเหตุผล โดยที่ไม่ยอมเสียเปรียบ หรือไม่ยอมเสียสละอะไรเลย ไม่นานคนเหล่านั้น ก็อาจจะเป็นบ้าสติแตก หรืออาจจะกลายเป็นคน ที่ทำถูกทุกอย่าง แต่ไม่มีความสุข เพราะชีวิตในแต่ละวัน จะต้องสู้รบ กับคนรอบข้างตลอดเวลา เพียงเพื่อต้องการความถูกต้อง ที่ตัวเองนั้นยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ ซึ่งมีแต่จะนำความทุกข์ มาให้กับตัวเองครับ
ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า มี ๕ สิ่ง ที่พระพุทธองค์ ท่านทรงแนะนำสั่งสอน เพื่อให้เราเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น นั่นก็คือ
ข้อที่ 1. ไม่ว่าเราจะได้พบเจอใครก็ตาม เขาเหล่านั้น คือคนที่เราจะต้องได้พบเจอ ซึ่งไม่มีใคร ที่จะเข้ามา ในชีวิตของเราด้วยเหตุบังเอิญ
ข้อที่ 2. ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ ขึ้น ในชีวิตของเรา มันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดี หรือร้ายก็ตาม ซึ่งไม่มีเรื่องใดที่บังเอิญ เพราะว่าเรา ก็เคยทำอย่างนี้ กับเขามาก่อน เมื่ออดีตชาติ
ข้อที่ 3. เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาใดก็ตาม นั่นคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ควรเกิด เพราะมันจะต้องเกิด ต่อให้เราเตรียมตัว หรือไม่ได้เตรียมตัวก็ตาม เมื่อปัจจัยถึงพร้อม สิ่งเหล่านั้น มันก็จะเกิดขึ้นในทันที
ข้อที่ 4. เมื่อปัจจัยจบ เราต้องยอมรับว่าจบ อย่าไปเหนี่ยวรั้ง อย่าเอาแต่อาลัยอาวรณ์ ขอให้รู้ว่า เมื่อสุดมือสอย ก็ให้ปล่อยมันไป เราต้องกล้าเผชิญในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องดีๆ กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ข้อที่ 5. พยายามทำความดี ในปัจจุบันนี้ ให้มากที่สุด แล้วไม่ต้องไปสนใจว่า เราเคยทำกรรมอะไรมาบ้าง เพราะเราคิดไป ก็เปล่าประโยชน์ เราทำอะไรกับกรรมเก่าไม่ได้แล้ว ฉะนั้นจงคิดแบบผู้มีปัญญา ว่ากรรมใหม่ดีๆ มีอะไรบ้าง ที่เรายังไม่ได้ทำ แล้วลงมือทำทันที เพราะกรรมดีในปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด ท่านว่า การนินทาว่าร้าย เป็นเรื่องของเขา แต่การให้อภัย เป็นเรื่องของเรา และการชอบพูดถึงความดีของเขา ก็คือ ความดีของเรา ส่วนการพูด ถึงความไม่ดีของเขา มันคือ ความไม่ดีของเราเอง ฉะนั้น อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท หมั่นคิดดี ทำดี และพูดดี ชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอนครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้นะครับผมจะมาพูดคุย ในเรื่องของเคล็ดลับวิธี เอาชนะความทุกข์ ในยุคปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องนี้ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า การที่เราจะเอาชนะกับความทุกข์ ในยุคปัจจุบันนี้ได้ เราจะต้องมีสมาธิ และมีสติอยู่กับตัวเสมอ เพราะไม่อย่างนั้น เราจะมีความทุกข์รายวัน ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ จากเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก หรือแม้แต่เรื่องครอบครัว ท่านว่า ถ้าเราจะเอาชนะ กับความทุกข์เหล่านี้ได้ จิตใจของเรา ก็จะสงบลง แต่การที่เราจะทำให้จิตใจสงบลงได้นั้น เราจะฝึกทำด้วยตัวเราเอง ซึ่งวิธีฝึกนั้น ท่านว่ามีดังต่อไปนี้
เคล็ดลับที่ 1. รู้จักฝึกตัวเองให้เข้าใจในธรรมชาติว่า อะไรก็ตามที่มันผ่านมาแล้ว เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เพราะสิ่งทั้งหลาย มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เวลาที่เรามีความสุข ก็ให้เข้าใจว่า เดี๋ยวความสุขที่เรามีอยู่นั้น อีกไม่นานก็จะผ่านไป และเช่นดียวกัน เมื่อเราเจอกับความทุกข์ ก็ให้เข้าใจ และเรียนรู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์มันก็ผ่านไปเช่นกัน ดังนั้น เวลาที่เราพบเจอ กับอุปสรรค และปัญหาต่างๆ หรือสถานการณ์ที่เลวร้าย เรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ก็ให้เข้าใจ และให้รู้ทันว่า เรื่องต่างๆ เหล่านี้ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว อีกไม่นาน เดี๋ยวมันก็ดับไป และเรื่องร้ายๆ เหล่านี้ มันก็จะไม่อยู่กับเรา ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
เคล็ดลับที่ 2. รู้จักฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ อย่าไปมองตัวเองให้ใหญ่เกินไป เพราะการเป็นคนตัวเล็ก ที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในการดำเนินชีวิต อยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งถ้าเราเป็นคนตัวใหญ่ ด้วยการอวดดี อวดเก่ง มันมีแต่จะทำให้เรานั้น ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข แถมอาจจะมีความทุกข์รายวันอีกด้วย ฉะนั้น อย่าไปเบ่งกับใคร อย่าทำตัวเอง ให้เป็นคนสำคัญมากไป อย่าไปเด่นเกินใครเขา อะไรที่ไม่ดี ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็อย่าไปทำมัน และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ก็อย่าไปให้ความสำคัญ กับตัวเรามากเกินไป ท่านว่า จงเป็นคนธรรมดา ที่รู้จักเข้าใจคนอื่น เข้าใจสังคม เข้าใจตัวเอง และเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จะทำให้เราใช้ชีวิต ได้อย่างมีความสุขมากกว่า
เคล็ดลับที่ 3. รู้จักฝึกตัวเองให้เป็นคนสบายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่จู้จี้ขี้บ่น หรือทำตัวน่ารำคาญมากเกินไป เพราะการที่เราไปหลง หรือไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ มันมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์ ท่านว่า ความสมบูรณ์แบบนั้น มันไม่มีอยู่จริงในโลก ซึ่งถ้าใครมัวแต่ไปหลงมัวเมา อยู่กับความสมบูรณ์แบบ ว่าความสมบูรณ์แบบนั้นมีอยู่จริง ชีวิตของเขาทั้งชีวิต ก็ยากที่จะอยู่อย่างสงบสุข และมีความสุขได้ ฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากอยู่ อย่างคนมีความทุกข์ตลอดเวลา เราก็จะต้องเรียนรู้ ที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ได้ และอย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบให้มาก
เคล็ดลับที่ 4. รู้จักฝึกตัวเองให้เป็นคนนิ่งๆ และรู้จักพูดแต่สิ่งที่ดี ทำวาจาให้เป็นทิพย์ ซึ่งอันไหนที่ไม่ดี เรื่องอะไรที่ไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ เราก็อย่าไปพูดมาก หรือถ้าหากจำเป็น ที่เราจะต้องพูด ก็ขอให้คิดก่อนพูด ว่าสิ่งที่เราจะพูดไปนั้น มันมีผลกระทบ มีความเสียหาย หรือมีผลอะไรตามมาหรือไม่ ท่านว่า การที่เราจะพูด ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้น จะถูกหรือผิดก็ตาม แต่ถ้ามันไม่ดี หากเป็นไปได้ เราก็ไม่ต้องพูด เพราะการที่เราจะพูด หรือไปวิจารณ์อะไรก็ตาม ในทางเสียหาย มันมีแต่ จะทำให้จิตใจของเรา ตกต่ำ และขุ่นมัว ฉะนั้น เราต้องรู้จักฝึกตัวเอง ให้เป็นคนนิ่งๆ รู้จักคิดก่อนพูด และทำวาจาให้เป็นทิพย์
เคล็ดลับที่ 5. รู้จักฝึกตัวเอง ให้เข้าใจ ในเรื่องการนินทา เพราะเราทุกคนที่เกิดมานั้น ไม่มีใคร ที่จะไม่ถูกนินทา ฉะนั้น เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราก็จะต้องรู้ตัวเองว่า เราจะต้องถูกนินทาอย่างแน่นอน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น เมื่อเราถูกคนอื่นนินทา ก็ให้รู้ว่า เรามาถูกทางแล้ว ซึ่งหมายความว่า เรายังมีตัวตนอยู่ ท่านว่า คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาของคนอื่น ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยู่อย่างไม่เป็นสุข คนเหล่านี้ เป็นคนที่ไม่รู้เท่าทันโลก เพราะในโลกนี้ ชีวิตจริง แม้แต่คนที่เป็นพ่อแม่ ก็ยังนินทาลูก หรือลูกบางคน ก็ยังนินทาพ่อแม่เช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น ที่จะไม่นินทาว่าร้ายเรา ฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากให้ใครนินทา เราก็ต้องห้ามตัวเองก่อน ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ได้ มันก็ยากที่คนอื่นจะไม่นินทาเรา ดังนั้น เราจะต้องเข้าใจว่า เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราจะต้องถูกคนอื่น นินทาอย่างแน่นอน
เคล็ดลับที่ 6. รู้จักฝึกตัวเอง อย่าเป็นคนที่สะสมมากเกินไป ซึ่งอะไรที่เราสละได้ เราก็ควรสละทิ้ง เพราะการที่เรา จะสะสมอะไรสักอย่างนั้น มันจะเป็นภาระให้กับเราอย่างมาก เพราะในโลกนี้ ท่านว่า ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้ว จะไม่เป็นภาระ หรือในบางครั้ง การที่เราสะสมแล้ว มันก็อาจจะเป็นภาระของคนอื่นด้วย และนอกจากนำความทุกข์ มาให้กับตัวเราเอง มันก็ยังนำความทุกข์ ไปให้คนอื่นอีกด้วยเช่นกัน ฉะนั้นท่านว่า ถ้าเราอยากจะสะสมจริงๆ เราก็ควรจะสะสมความดี เพราะการสะสมอย่างอื่น ที่นอกเหนือจากความดีแล้ว หากเราสะสมเอาไว้มากๆ ล้วนแต่เป็นภาระให้กับเราทั้งสิ้น
เคล็ดลับที่ 7. รู้จักฝึกตัวเอง ให้เลิกเป็นขี้ข้าของเงิน แล้วหัดพอใจ กับสิ่งที่เรามีอยู่ อย่างเช่น ปัจจุบันนี้ เสื้อผ้า รถยนต์ มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ เรามีอะไรอยู่ ถ้ามันยังใช้ได้ ก็จงรู้จักพอใจกับมัน เราอย่าไปอยากมี อยากได้เกินความจำเป็น เพราะมันจะทำให้เราเดือดร้อน ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อทำตามกิเลสของตัวเอง ท่านว่าการที่เรา จะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้นั้น เราจะต้องรู้จักคิด รู้จักหยุด และรู้จักพอ เพราะหากเรารู้จักพอแล้ว เราก็ไม่ต้องหาเงินมาก เกินความจำเป็น และเมื่อเราไม่ต้องดิ้นรนมาก เราก็จะมีโอกาสทำอะไรอย่างอื่น ที่มากกว่าการหาเงิน แถมยังจะมีเวลาให้กับตัวเอง และมีเวลาให้กับครอบครัวอีกด้วย
เคล็ดลับที่ 8. รู้จักฝึกตัวเอง ให้รู้จักเสียสละ และยอมเสียเปรียบคนอื่นบ้าง ซึ่งการที่เรา ยอมเสียเปรียบคนอื่นนั้น ในบางครั้งท่านว่า มันก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะใครก็ตาม ที่บ้าความถูกต้อง หรือบ้าเหตุผล โดยที่ไม่ยอมเสียเปรียบ หรือไม่ยอมเสียสละอะไรเลย ไม่นานคนเหล่านั้น ก็อาจจะเป็นบ้าสติแตก หรืออาจจะกลายเป็นคน ที่ทำถูกทุกอย่าง แต่ไม่มีความสุข เพราะชีวิตในแต่ละวัน จะต้องสู้รบ กับคนรอบข้างตลอดเวลา เพียงเพื่อต้องการความถูกต้อง ที่ตัวเองนั้นยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ ซึ่งมีแต่จะนำความทุกข์ มาให้กับตัวเองครับ
ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า มี ๕ สิ่ง ที่พระพุทธองค์ ท่านทรงแนะนำสั่งสอน เพื่อให้เราเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น นั่นก็คือ
ข้อที่ 1. ไม่ว่าเราจะได้พบเจอใครก็ตาม เขาเหล่านั้น คือคนที่เราจะต้องได้พบเจอ ซึ่งไม่มีใคร ที่จะเข้ามา ในชีวิตของเราด้วยเหตุบังเอิญ
ข้อที่ 2. ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ ขึ้น ในชีวิตของเรา มันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดี หรือร้ายก็ตาม ซึ่งไม่มีเรื่องใดที่บังเอิญ เพราะว่าเรา ก็เคยทำอย่างนี้ กับเขามาก่อน เมื่ออดีตชาติ
ข้อที่ 3. เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาใดก็ตาม นั่นคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ควรเกิด เพราะมันจะต้องเกิด ต่อให้เราเตรียมตัว หรือไม่ได้เตรียมตัวก็ตาม เมื่อปัจจัยถึงพร้อม สิ่งเหล่านั้น มันก็จะเกิดขึ้นในทันที
ข้อที่ 4. เมื่อปัจจัยจบ เราต้องยอมรับว่าจบ อย่าไปเหนี่ยวรั้ง อย่าเอาแต่อาลัยอาวรณ์ ขอให้รู้ว่า เมื่อสุดมือสอย ก็ให้ปล่อยมันไป เราต้องกล้าเผชิญในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องดีๆ กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ข้อที่ 5. พยายามทำความดี ในปัจจุบันนี้ ให้มากที่สุด แล้วไม่ต้องไปสนใจว่า เราเคยทำกรรมอะไรมาบ้าง เพราะเราคิดไป ก็เปล่าประโยชน์ เราทำอะไรกับกรรมเก่าไม่ได้แล้ว ฉะนั้นจงคิดแบบผู้มีปัญญา ว่ากรรมใหม่ดีๆ มีอะไรบ้าง ที่เรายังไม่ได้ทำ แล้วลงมือทำทันที เพราะกรรมดีในปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด ท่านว่า การนินทาว่าร้าย เป็นเรื่องของเขา แต่การให้อภัย เป็นเรื่องของเรา และการชอบพูดถึงความดีของเขา ก็คือ ความดีของเรา ส่วนการพูด ถึงความไม่ดีของเขา มันคือ ความไม่ดีของเราเอง ฉะนั้น อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท หมั่นคิดดี ทำดี และพูดดี ชีวิตจะมีความสุขอย่างแน่นอนครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น