วิธีให้กำลังใจตัวเอง ด้วยธรรมะข้อคิด สร้างแรงบันดาลใจ ในยามท้อแท้สิ้นหวัง
PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้ผมมีวิธีให้กำลังใจตัวเอง ด้วยธรรมะข้อคิด ของครูบาอาจารย์หลายๆ ท่าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในยามท้อแท้สิ้นหวัง เพราะในยามนี้ คงจะมีหลายๆ ท่าน ที่กำลังท้อแท้ และหมดกำลังใจ เราลองไปดูกันครับว่า มีธรรมะข้อคิดอะไรบ้าง ที่จะทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไป
1. อย่ามองว่าทุกปัญหา ที่เข้ามาเป็นเรื่องทุกข์ ให้มองว่าเป็นสิ่งธรรมดา ที่เราทุกคนต่างต้องพบเจอ ถ้าเราคิดได้แบบนี้ ก็จะทำให้เราไม่เป็นทุกข์
2. คนที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลอื่น อยู่ที่ไหนก็มักมีผู้อุปภัมถ์อยู่เสมอ ดังนั้นเรียนรู้ที่จะให้ มากกว่าเรียนรู้ที่จะรับ ตื่นมาตอนเช้า อย่าถามตัวเองว่า เราจะได้รับอะไรจากสังคมแห่งนี้ แต่จงถามตัวเองว่า เราจะให้อะไรกับสังคมนี้ เรียนรู้ที่จะให้ แล้วเราจะมีแต่ความสุข
3. ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีอย่างเดียวที่แน่นอน นั่นคือ…ความตาย ที่แต่ละคนไม่อยากพบเจอ แต่เป็นเรื่องจริง ที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น ฉะนั้นจงดำเนินชีวิต ด้วยความไม่ประมาท
4. สิ่งใดที่ควรได้ควรมี ก็จงพยายามทำให้สำเร็จ สิ่งใดเกินกำลัง ก็จงยอมรับว่า แม้ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ ก็จะหาหนทางในคราวต่อไป เมื่อโอกาสมาถึงพร้อม
5. ความทุกข์สอนให้เรา เป็นคนมีความอดทน ทนได้ต่อความทุกข์ ทนได้ต่อความยากลำบาก ทนได้ต่อช่วงเวลา ที่ยาวนานของความทุกข์ ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น ไปจากชีวิต
6. น้ำมันไม่เคยง้อใครเลย ใครจะกินหรือไม่กิน จะอาบหรือไม่อาบ มันไม่เคยเรียกไม่เคยเชิญใคร หรือว่าใครจะนำมันไปล้างอะไร “ธรรม” ก็เหมือนกัน มันมีอยู่ในตัวเรา ใครจะประพฤติปฏิบัติ ธรรมก็ไม่เคยเชิญใครไม่เคยง้อใคร ใครอยากพ้นทุกข์ อยากได้มรรคผล ก็ต้องพยายามประพฤติปฏิบัติเอาเอง
7. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะว่าคนที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เคยลำบากมาก่อน ย่อมไม่คิดจะหลอกลวงใคร เพราะทุกคน ก็ล้วนมีความทุกข์มากบ้างน้อยบ้าง ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย เราไม่อยากคดโกงผู้ใด ให้เขาต้องทุกข์ขึ้นไปอีก การคดโกงในปัจจุบัน แล้วทำให้ความสุขลดน้อย จากบาปในใจ หรือต้องใช้กรรมในภายหลัง ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
8. สิ่งทั้งหลายกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนคงที่แน่นอน เราเกิดมาเพื่อรอเวลาตาย เราได้มาเพื่อรอเวลาเสีย เรามีเพื่อรอเวลาหมด เราเจอเพื่อรอเวลาจาก เราพบเพื่อรอเวลาพลัดพราก จากกันไป
9. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนแกร่ง ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เหมือนเหล็กร้อนที่ผ่านไฟ ย่อมแข็งแกร่งขึ้น คนที่เคยลำบากแล้วผ่านมาได้ ด้วยความอดทนพยายาม จะไม่กลัวต่อความยากลำบาก เหมือนที่คนโบราณกล่าวว่า ลำบากเสียให้เคย แล้วจะไม่ลำบากอีก
10. ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่า ที่จะพูดนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นต้นของการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร
11. การกระทำใด ที่คิดว่า ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ก็กระทำเถิด แต่ถ้าคิด ว่าไม่เหมาะสม เดือดร้อนเรา และผู้อื่น ก็อย่ากระทำ ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
12. ความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตเรา จะหล่อหลอมให้เรา เป็นบุคคลที่่เเข็งแกร่ง และสามารถอยู่บนโลกใบนี้ ได้อย่างเข้าใจ และไม่เป็นทุกข์ เพราะเรามีธรรมะ อยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
13. สิ่งที่เรามีอยู่ จะหลุดลอยจากเราไปทีละสิ่ง ไม่เร็ว ก็ช้า สัจธรรมเช่นนี้จะเกิดกับเราทุกคน กล่าวตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย ที่เป็นของเราอย่างแน่แท้ สรรพสิ่งล้วนเป็น “ของมัน” อย่างนั้นเอง ไม่มีอะไรที่ “เป็นของเรา” อย่างแท้จริง สรรพสิ่งประดามี คือ “ความชั่วคราว” ที่ดูเหมือนมั่นคงแค่นั้นเอง
บุคคลที่มุ่งแต่ทางโลก ย่อมเสาะแสวงหาแต่เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ แบบไม่มีวันสิ้นสุด แต่บุคคลที่มุ่งมาทางธรรมจะ ไม่ยินดีในลาภยศสรรเสริญเงินทอง สละได้ในทุกสรรพสิ่งอันอุดม ไปด้วยกิเลสตัณหา ด้วยการปล่อยวาง
14. บางครั้งการได้ทำประโยชน์ กับผู้อื่นหรือสังคมบ้าง ก็ย่อมดีกว่าการปล่อยวันเวลา ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า หาประโยชน์อันใดไม่ได้เลย
15. ยิ่งเราแสดงอาการโกรธ หรือด่าว่า หรือนินทาผู้อื่น เรายิ่งไร้คนนับถือ หรือศรัทธา คนเจ้าปัญญาย่อมนิ่งเงียบสงวนคำ พูดแต่ละคำล้วนมีประโยชน์ จึงมีแต่คนนับถือและศรัทธา
16. เคยสังเกตไหมว่า ในทุกครั้งที่ทำความชั่ว หรือสร้างอกุศลกรรม จะมีแต่ความไม่สบายใจ หาความสงบสุขไม่ได้เลย แต่ในทางตรงกันข้ามนั้น ในทุกครั้งที่เราทำความดี หรือสร้างกุศลกรรม แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม เราจะปิติสุขใจไปตลอดทั้งวัน นึกถึงทีไรก็ชื่นใจเสมอ
17. หลายๆ ครั้ง โอกาสผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เพราะอะไร เพียงเพราะเรา ไม่เห็นมัน ไม่มีใครทำลายความหวังของเราได้ หากเราไม่ทำลาย ด้วยตัวของเราเอง
18. เราสามารถสร้างโอกาสดีๆ ในชีวิต ด้วยตัวของเราเอง อยู่ที่ว่าเรา จะสร้างมันขึ้นมาหรือเปล่า โอกาสดีๆ บางครั้ง เกิดขึ้นกับชีวิตเพียงครั้งเดียว และมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกเลย หากวันนี้เรา ยังไม่่มีโอกาสดีๆ ในชีวิต อย่าลืมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง โอกาสสร้างได้ ถ้าเราลงมือทำ แล้วตัวเราจะได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตอีกมากมาย
19. รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คือ ยาอายุวัฒนะ จงยิ้มให้กับตนเองและผู้อื่นให้มาก หรือถ้าหากไม่มีใครยิ้มให้เรา ก็จงยิ้มให้กับตัวเราเอง แล้ววันนี้ เรายิ้มให้กับตัวเองแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จงยิ้มเถิด จะหน้าบูดอยู่ใย ลองยิ้มสิ แล้วจะรู้ว่า ความสุขอยู่ไม่ไกล
20. ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด…เลือกให้ดีเถิด
21. นักปฏิบัติธรรม มักถูกทดสอบอยู่เสมอ ยิ่งปฏิบัติธรรมสูงขึ้นๆ ยิ่งถูกทดสอบว่า จริงๆ แล้วสามารถลดละ ปล่อยวางจากกิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลง กามราคะได้จริงหรือไม่ ถ้ามีใครมาพูดยั่วยุให้โกรธ แล้วยังโกรธอยู่ หรือมีใครนำสิ่งของเงินทอง ที่มีที่มาไม่บริสุทธิ์มามอบให้ แล้วใจยังโลภอยู่ แสดงว่ายังห่างไกล จากการบรรลุธรรมอีกมาก แต่ถ้าไม่ว่ามีใคร หรืออะไรมายั่วยุให้โกรธ หรือมาทดสอบความโลภ แล้วสามารถมีสติควบคุมใจ ให้วางเฉยได้ นั่นแสดงว่าบุคคลคนนั้นสอบผ่าน และถ้าสามารถปฏิบัติตน อยู่ในทาน ศีล ภาวนา ตลอดจนควบคุมสติ และใจ ไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรม ทั้ง 8 ประการได้ แบบคงที่ตลอดเวลาแล้ว บุคคลคนนั้นย่อมไม่ห่างไกลจากนิพพาน
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้ผมมีวิธีให้กำลังใจตัวเอง ด้วยธรรมะข้อคิด ของครูบาอาจารย์หลายๆ ท่าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในยามท้อแท้สิ้นหวัง เพราะในยามนี้ คงจะมีหลายๆ ท่าน ที่กำลังท้อแท้ และหมดกำลังใจ เราลองไปดูกันครับว่า มีธรรมะข้อคิดอะไรบ้าง ที่จะทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไป
1. อย่ามองว่าทุกปัญหา ที่เข้ามาเป็นเรื่องทุกข์ ให้มองว่าเป็นสิ่งธรรมดา ที่เราทุกคนต่างต้องพบเจอ ถ้าเราคิดได้แบบนี้ ก็จะทำให้เราไม่เป็นทุกข์
2. คนที่มีจิตเมตตาต่อบุคคลอื่น อยู่ที่ไหนก็มักมีผู้อุปภัมถ์อยู่เสมอ ดังนั้นเรียนรู้ที่จะให้ มากกว่าเรียนรู้ที่จะรับ ตื่นมาตอนเช้า อย่าถามตัวเองว่า เราจะได้รับอะไรจากสังคมแห่งนี้ แต่จงถามตัวเองว่า เราจะให้อะไรกับสังคมนี้ เรียนรู้ที่จะให้ แล้วเราจะมีแต่ความสุข
3. ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีอย่างเดียวที่แน่นอน นั่นคือ…ความตาย ที่แต่ละคนไม่อยากพบเจอ แต่เป็นเรื่องจริง ที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น ฉะนั้นจงดำเนินชีวิต ด้วยความไม่ประมาท
4. สิ่งใดที่ควรได้ควรมี ก็จงพยายามทำให้สำเร็จ สิ่งใดเกินกำลัง ก็จงยอมรับว่า แม้ยังไม่สามารถไขว่คว้ามาได้ ก็จะหาหนทางในคราวต่อไป เมื่อโอกาสมาถึงพร้อม
5. ความทุกข์สอนให้เรา เป็นคนมีความอดทน ทนได้ต่อความทุกข์ ทนได้ต่อความยากลำบาก ทนได้ต่อช่วงเวลา ที่ยาวนานของความทุกข์ ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น ไปจากชีวิต
6. น้ำมันไม่เคยง้อใครเลย ใครจะกินหรือไม่กิน จะอาบหรือไม่อาบ มันไม่เคยเรียกไม่เคยเชิญใคร หรือว่าใครจะนำมันไปล้างอะไร “ธรรม” ก็เหมือนกัน มันมีอยู่ในตัวเรา ใครจะประพฤติปฏิบัติ ธรรมก็ไม่เคยเชิญใครไม่เคยง้อใคร ใครอยากพ้นทุกข์ อยากได้มรรคผล ก็ต้องพยายามประพฤติปฏิบัติเอาเอง
7. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะว่าคนที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เคยลำบากมาก่อน ย่อมไม่คิดจะหลอกลวงใคร เพราะทุกคน ก็ล้วนมีความทุกข์มากบ้างน้อยบ้าง ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย เราไม่อยากคดโกงผู้ใด ให้เขาต้องทุกข์ขึ้นไปอีก การคดโกงในปัจจุบัน แล้วทำให้ความสุขลดน้อย จากบาปในใจ หรือต้องใช้กรรมในภายหลัง ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
8. สิ่งทั้งหลายกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนคงที่แน่นอน เราเกิดมาเพื่อรอเวลาตาย เราได้มาเพื่อรอเวลาเสีย เรามีเพื่อรอเวลาหมด เราเจอเพื่อรอเวลาจาก เราพบเพื่อรอเวลาพลัดพราก จากกันไป
9. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนแกร่ง ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เหมือนเหล็กร้อนที่ผ่านไฟ ย่อมแข็งแกร่งขึ้น คนที่เคยลำบากแล้วผ่านมาได้ ด้วยความอดทนพยายาม จะไม่กลัวต่อความยากลำบาก เหมือนที่คนโบราณกล่าวว่า ลำบากเสียให้เคย แล้วจะไม่ลำบากอีก
10. ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่า ที่จะพูดนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นต้นของการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร
11. การกระทำใด ที่คิดว่า ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว ก็กระทำเถิด แต่ถ้าคิด ว่าไม่เหมาะสม เดือดร้อนเรา และผู้อื่น ก็อย่ากระทำ ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
12. ความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตเรา จะหล่อหลอมให้เรา เป็นบุคคลที่่เเข็งแกร่ง และสามารถอยู่บนโลกใบนี้ ได้อย่างเข้าใจ และไม่เป็นทุกข์ เพราะเรามีธรรมะ อยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว
13. สิ่งที่เรามีอยู่ จะหลุดลอยจากเราไปทีละสิ่ง ไม่เร็ว ก็ช้า สัจธรรมเช่นนี้จะเกิดกับเราทุกคน กล่าวตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย ที่เป็นของเราอย่างแน่แท้ สรรพสิ่งล้วนเป็น “ของมัน” อย่างนั้นเอง ไม่มีอะไรที่ “เป็นของเรา” อย่างแท้จริง สรรพสิ่งประดามี คือ “ความชั่วคราว” ที่ดูเหมือนมั่นคงแค่นั้นเอง
บุคคลที่มุ่งแต่ทางโลก ย่อมเสาะแสวงหาแต่เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ แบบไม่มีวันสิ้นสุด แต่บุคคลที่มุ่งมาทางธรรมจะ ไม่ยินดีในลาภยศสรรเสริญเงินทอง สละได้ในทุกสรรพสิ่งอันอุดม ไปด้วยกิเลสตัณหา ด้วยการปล่อยวาง
14. บางครั้งการได้ทำประโยชน์ กับผู้อื่นหรือสังคมบ้าง ก็ย่อมดีกว่าการปล่อยวันเวลา ให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า หาประโยชน์อันใดไม่ได้เลย
15. ยิ่งเราแสดงอาการโกรธ หรือด่าว่า หรือนินทาผู้อื่น เรายิ่งไร้คนนับถือ หรือศรัทธา คนเจ้าปัญญาย่อมนิ่งเงียบสงวนคำ พูดแต่ละคำล้วนมีประโยชน์ จึงมีแต่คนนับถือและศรัทธา
16. เคยสังเกตไหมว่า ในทุกครั้งที่ทำความชั่ว หรือสร้างอกุศลกรรม จะมีแต่ความไม่สบายใจ หาความสงบสุขไม่ได้เลย แต่ในทางตรงกันข้ามนั้น ในทุกครั้งที่เราทำความดี หรือสร้างกุศลกรรม แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม เราจะปิติสุขใจไปตลอดทั้งวัน นึกถึงทีไรก็ชื่นใจเสมอ
17. หลายๆ ครั้ง โอกาสผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เพราะอะไร เพียงเพราะเรา ไม่เห็นมัน ไม่มีใครทำลายความหวังของเราได้ หากเราไม่ทำลาย ด้วยตัวของเราเอง
18. เราสามารถสร้างโอกาสดีๆ ในชีวิต ด้วยตัวของเราเอง อยู่ที่ว่าเรา จะสร้างมันขึ้นมาหรือเปล่า โอกาสดีๆ บางครั้ง เกิดขึ้นกับชีวิตเพียงครั้งเดียว และมันจะไม่ย้อนกลับมาอีกเลย หากวันนี้เรา ยังไม่่มีโอกาสดีๆ ในชีวิต อย่าลืมสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง โอกาสสร้างได้ ถ้าเราลงมือทำ แล้วตัวเราจะได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิตอีกมากมาย
19. รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คือ ยาอายุวัฒนะ จงยิ้มให้กับตนเองและผู้อื่นให้มาก หรือถ้าหากไม่มีใครยิ้มให้เรา ก็จงยิ้มให้กับตัวเราเอง แล้ววันนี้ เรายิ้มให้กับตัวเองแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จงยิ้มเถิด จะหน้าบูดอยู่ใย ลองยิ้มสิ แล้วจะรู้ว่า ความสุขอยู่ไม่ไกล
20. ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด…เลือกให้ดีเถิด
21. นักปฏิบัติธรรม มักถูกทดสอบอยู่เสมอ ยิ่งปฏิบัติธรรมสูงขึ้นๆ ยิ่งถูกทดสอบว่า จริงๆ แล้วสามารถลดละ ปล่อยวางจากกิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลง กามราคะได้จริงหรือไม่ ถ้ามีใครมาพูดยั่วยุให้โกรธ แล้วยังโกรธอยู่ หรือมีใครนำสิ่งของเงินทอง ที่มีที่มาไม่บริสุทธิ์มามอบให้ แล้วใจยังโลภอยู่ แสดงว่ายังห่างไกล จากการบรรลุธรรมอีกมาก แต่ถ้าไม่ว่ามีใคร หรืออะไรมายั่วยุให้โกรธ หรือมาทดสอบความโลภ แล้วสามารถมีสติควบคุมใจ ให้วางเฉยได้ นั่นแสดงว่าบุคคลคนนั้นสอบผ่าน และถ้าสามารถปฏิบัติตน อยู่ในทาน ศีล ภาวนา ตลอดจนควบคุมสติ และใจ ไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรม ทั้ง 8 ประการได้ แบบคงที่ตลอดเวลาแล้ว บุคคลคนนั้นย่อมไม่ห่างไกลจากนิพพาน
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น