การปล่อยวาง คลายความทุกข์ ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต



สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้นะครับผมจะมาพูดคุย ในเรื่องของการปล่อยวาง คลายความทุกข์ ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ซึ่งในเรื่องนี้ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า สิ่งที่เราเป็นทุกข์อยู่ในปัจจุบันนี้ สาเหตุส่วนหนึ่ง ก็มาจาก โลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะเราเอง ก็ต้องอาศัยอยู่บนโลกนี้ ซึ่งเป็นโลก แห่งการเป็นเหยื่อ ความเจริญในด้านวัตถุ มีสิ่งล่อตาล่อใจจำนวนมาก จึงทำให้เรามีกิเลสมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การปล่อยวาง ในด้านวัตถุที่เป็นรูปธรรม และการปล่อยวาง ทางจิตใจที่เป็นนามธรรม จึงเป็นหนทาง ที่จะทำให้เราคลายความทุกข์ลงได้ ท่านว่า การปล่อยวางก็คือ ปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งทั้งปวง เพราะถ้าหากเรา ยึดมั่นถือมั่นมาก เราเองก็จะทุกข์มากเช่นกัน แต่ถ้าเราปล่อยวางลงไปได้มาก เราก็จะเบามากสุขมากเช่น



ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า หากเรายึดมั่นสิ่งใด เราก็จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น พระพุทธเจ้า ท่านจึงตรัสไว้ว่า สิ่งทั้งปวง เราไม่ควร เข้าไปยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ แต่ถึงอย่างไร เรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดา จึงยึดมั่นถือมั่นกันอยู่ เพราะเรายังมีกิเลสกันมาก ฉะนั้น การจะให้เราปล่อยวางเด็ดขาด มันก็คงจะยังทำไม่ได้ ฉะนั้นท่านว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็อย่าไปยึดมากเกิน เพราะสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้และแน่นอน และไม่มีอะไร ที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ซึ่งเราจะเห็นได้ชัด เมื่อเวลาที่เราตายไปแล้ว เราทุกคนก็จะต้องทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้ในโลกนี้ทั้งหมด เราเอาไปได้ ก็แค่บุญกับบาปเท่านั้น แม้แต่ร่างกาย เราก็เอาไปไม่ได้ เพราะเรายืมมาใช้ ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง ท่านว่าการปล่อยวางนั้น ก็มีหลายอย่างด้วยกัน แต่สำหรับเราที่ยังไม่อาจ จะปล่อยวางทุกอย่างได้ เราก็ควรรู้จัก การปล่อยวางแบบง่ายๆ นั่นก็คือ การรู้จักปิดหูปิดตา และปิดปากเสียบ้าง เพราะถ้าเรารู้เห็นไปหมดทุกอย่าง ก็เท่ากับเราไปแส่หาความทุกข์ อย่างไม่หยุดหย่อน

ความทุกข์และความสุขนั้น เราสามารถจะเลือกได้ เช่น ถ้าเรารู้จักความทุกข์ดีพอ เราก็สามารถหาทางเอาชนะ กับความทุกข์เหล่านั้นได้ ด้วยการคิดหรือฝึกจิต ให้รู้เท่าทันอารมณ์ ความทุกข์ที่มีอยู่ก็จะเบาบางลง แต่ถ้าเราไปหลงมัวเมา คิดแต่จะใช้เงินทองซื้อความสุข เราก็จะได้พบทั้งความสุข และความทุกข์ด้วย ซึ่งความสุขนี้มันไม่ใช่สิ่ง ที่จะมาทดแทนความทุกข์ได้ หรือความสุขมันก็ไม่ใช่ หนทางแห่งการดับทุกข์ ท่านว่าถ้าเราสังเกตดีๆ ความสุขนี้จะทำให้เรา ลุ่มหลงมัวเมา หลงไหล ติดใจในรสชาติของมัน และเมื่อถึงวัน ที่ความสุขจะสูญหาย หรือถึงวันที่เราจะต้องตาย เราก็จะเป็นทุกข์และเศร้าหมอง ชนิดที่ว่าหาที่พึงทางใจไม่ได้เลย ท่านว่านี่คือโทษของความสุข ที่เรามองไม่เห็นมัน

เหตุที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ ก็คือ ความอยากนั่นเอง ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ
1. ความอยากในรูป เสียง กลิ่น รู้สึกสัมผัสและอารมณ์
2. ความอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น ในสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่างเช่น ความร่ำรวยเงินทอง ลาภสักการะ หรือชื่อเสียงเป็นต้น
3. ความอยากในสิ่งที่จะไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น ในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ อย่างเช่น การพลัดพรากจากคนรัก ของรัก การถูกด่าว่า การนินทา หรือประสบกับภัยพิบัติ การล่มจม ตกต่ำ ล้มละลายในธุรกิจเป็นต้น
ท่านว่าความอยากเหล่านี้ จะทำให้เราเป็นทุกข์ และเศร้าหมอง ชีวิตจะมืดมนจนไม่รู้ว่า อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ไม่รู้แม้กระทั้ง ตัวเองเกิดมาทำไม และอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ตัวเองควรจะได้รับ

ความสุขที่แท้จริงของคนเรานั้นท่านว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเงินทองมากกว่าคนอื่น แต่ความสุขอยู่ที่คำว่าพอต่างหาก หรือจะกล่าวว่าสั้นๆ ก็คือ ความสุขอยู่ที่ใจของเรานั่นเอง ท่านว่าถ้าเราทำใจ ของตนเองให้มีความสุข ไม่อิจฉาริษยาคนอื่น แต่รู้จักยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี แค่นี้ความสุขก็จะเกิดขึ้นในใจเราแล้ว แต่ถ้าหากวันนี้ เราต้องพบเจอกับทางตัน เราก็ลองถอยหลัง ก้าวออกมาอย่างมีสติ เพราะกุญแจสำคัญ ที่จะช่วยทำให้เรา ก้าวพ้นกับปัญหาต่างๆ ไปได้ นั่นก็คือสติ ฉะนั้นเราต้องตั้งสติให้มั่น และพิจารณาหนทางต่างๆ ด้วยเหตุผล มันก็จะเกิดเป็นภูมิคุ้มกัน นำทางให้เราออกจากปัญหา ได้อย่างแน่นอน

ถ้าเรารู้จักแสวงหาความสุข จากสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ชีวิตของเราก็จะยุ่งยากน้อยลง และคงจะมีความสบายมากขึ้น ท่านว่าการไล่ล่าแต่ละครั้ง มันจะทำให้เราเหนื่อย เพราะเราจะต้องขวนขวาย หาเงินทองแข่งกับคนอื่น เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เราต้องการ และเมื่อได้มาครอบครองแล้ว เราก็ต้องเครียด กับการที่ต้องรักษาเอาไว้อีก เพราะไม่ต้องการให้ใครมาแย่งไป ท่านว่าอันที่จริงแล้ว ความพอใจในสิ่งที่เรามี ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเราชอบมองออกไปนอกตัว และเอาสิ่งใหม่ๆ มาเทียบกับของที่ตัวเองมีอยู่ หรือบางครั้งก็เอาตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือเมื่อเห็นเขามีของใหม่ เราก็อยากมีเหมือนเขาบ้าง ท่านว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้เรา เป็นทุกข์ได้มากเท่ากับการที่เรา ชอบเอาตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และการเปรียบเทียบนี้ หลายๆ คน ก็ยังไม่รู้ว่า มันคือางลัดไปสู่ความทุกข์ ซึ่งหลายๆ คนในปัจจุบัน ก็ชอบใช้เส้นทางนี้ เป็นอย่างมาก

ท่านว่าบ่อเกิดแห่งความสุขนั้น เราก็มีกันอยู่ทุกคน เพียงแต่เราอาจจะมองข้ามมันไป หรืออาจจะไม่รู้จักใช้มัน ฉะนั้นเมื่อใดที่เรามีความทุกข์ แทนที่เราจะมองหาสิ่งนอกตัว เราก็ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่ สิ่งเป็นอยู่ ไม่จะเป็นมิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน หรือจิตใจของเราเอง ท่านว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนบันดาลความสุข ให้แก่เราได้ทั้งสิ้น ถ้าเรารู้จักชื่นชม รู้จักมอง และจัดการอย่างถูกต้อง ซึ่งแทนที่เรา จะแสวงหาความสุขจากการได้ เราก็ลองแสวงหาความสุข จากการที่เรามี หรือสิ่งที่เรามี แล้วค่อยๆ แสวงหา ความสุขจากการให้ เพราะการให้นี้ท่านว่า ยิ่งเราให้ก็ยิ่งจะได้รับความสุข และยังเป็นความสุข ที่เราได้ทำความดี ทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย ซึ่งถ้าเราเริ่มจากจุดนี้ได้ มันก็ไม่ยาก ที่เราจะค้นพบ ความสุขจากการไม่มี แม้เราจะสูญเสีย หรือไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เราก็ยังมีความสุขอยู่ได้ ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขันธ์ 5 คืออะไร ทำไมคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเรียนรู้ขันธ์ 5

สิริมงคล 8 ประการ เสริมบุญบารมี ให้ชีวิตรุ่งเรืองตลอดไป

มงคลชีวิต 4 ประการ หนทางสู่ความสำเร็จ

วิธีอ่านใจคน ศาสตร์เรียนรู้จุดอ่อน ด้วยจริต 6 ประการ

ฆราวาสธรรม 4 ประการ ธรรมะที่นำพาชีวิตให้ร่ำรวย