เป็นทุกข์เพราะความรัก ควรปล่อยวางอย่างไร

PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต



สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้นะครับผมจะมาพูดคุย ในเรื่องของความทุกข์ เพราะความรัก ว่าควรจะปล่อยวางอย่างไรดี ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ที่หลายๆ คน มีความวุ่นวายในชีวิตอยู่ ก็เพราะว่ายังดับไม่ลง บางครั้งก็มีเรื่องนั้นเข้ามาแทรก บางทีก็เรื่องนี้เข้ามาซ้อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชีวิต เรื่องของความรัก เรื่องความโลภ เรื่องความโกรธ หรือแม้แต่ความหลง ท่านว่าเรื่องเหล่านี้ มีอยู่ในหัวใจของทุกคน และบางคนนั้น ก็แสวงหาความอยาก ความรักไม่สิ้นสุด อย่างเช่น ชอบไปขอความรักจากคนอื่น หรืออยากให้คนอื่น มารักตัวเองมากๆ และถ้าหากคนอื่นมารักตัวเองน้อย ก็จะไม่เอา ไม่ชอบ ซึ่งเรามีแต่ความโลภ ที่อยากจะได้ความรัก จากคนอื่นมากๆ ท่านว่าด้วยเหตุนี้เอง เราทุกคน จึงมีความทุกข์ จากความรักอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางคนนั้น แม้จะเป็นสามี ก็อยากให้ภรรยารัก และหลงตัวเองให้มากๆ แล้วจะต้องรักตัวเองคนเดียว ห้ามไปรักคนอื่นเด็ดขาด ส่วนภรรยานั้น ก็มีความอยาก ที่อยากจะให้สามี รักตนเองคนเช่นกัน ไม่อยากให้สามีไปรัก กับผู้หญิงอื่น สามีจะต้องรักตนเองคนเดียว แล้วจะต้องรักให้มากๆ ด้วย ท่านว่า เหตุนี้เอง ที่ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ในตอนนี้



ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า การที่เราอยากได้ อยากครอบครองมาก มันก็ย่อมจะมีความทุกข์มาก เพราะเมื่อเรารักมาก เราก็จะกังวลมาก เราจะกลัวโน่นกลัวนี่ กลัวไม่ดี กลัวเปลี่ยนแปลง สุดท้าย เราก็มีความทุกข์ แล้วก็รู้สึกกระสับกระส่าย กระวนกระวายใจ เพราะยิ่งรักมาก มันก็ยิ่งห่วงมาก และก็จะเป็นทุกข์มากด้วย เมื่อยิ่งห่วงมากๆ เข้า ก็จะเกิดอาการหึงหวง เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะไม่ได้อย่างที่ตกลงกันไว้ หรือไม่ได้อย่างที่ใจปราถนา อย่างเช่น ไม่พอใจคนรัก ที่ไม่ตรงต่อเวลา ปล่อยให้ตัวเองคอยจนดึกดื่น และยิ่งถ้าคนรักไม่กลับมา ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น เพราะรักเขามาก รักจนหมดหัวใจ และเมื่อรักมาก ก็ห่วงมาก เป็นทุกข์ กังวลใจ เครียด สุดท้าย เมื่อไม่ได้อย่างที่คิด ก็จะเกิดการขัดแย้ง ต่อว่ากัน ถากถางกัน ทะเลาะกันรุนแรง และยิ่งหนักๆ เข้า คำพูดที่ไม่ดี การต่อว่า ด่าทอ ก็หลุดออกจากปาก ท่านว่าการทะเลาะกัน จนนำไปสู่ความทุกข์ ก็ล้วนมาจากความรักทั้งสิ้น เพราะเมื่อรักมาก ก็ห่วงมาก จนกลายเป็นว่า เอาความรักมาทะเลาะกัน เหตุนี้เอง ความรัก จึงกลายเป็นความทุกข์

หลายๆ คนเมื่อรักกันแล้ว ทำไมต้องเป็นทุกข์ และทำไมต้องคอยติดตาม เป็นเงาตามตัว ท่านว่า เหตุที่เป็นแบบนี้ ก็เพราะคนที่ถูกรัก ก็ไม่เข้าใจในความรัก และคนที่รัก ก็ไม่เข้าใจ ในความรักเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อรักแล้ว จึงกลายเป็นห่วง กลายเป็นเฝ้าติดตาม จนกลายเป็นความทุกข์ เพราะมีแต่ความรัก แต่ไม่มีธรรมะ ท่านว่าชีวิตของคนที่มีแต่ความรัก แต่ไม่มีธรรมะนั้น จะมีความทุกข์เป็นอย่างมาก เพราะไม่เข้าใจในธรรมชาติของความรัก ซึ่งในโลกนี้ ไม่มีอะไร ที่จะเป็นไป ตามที่เราความหวัง หรือเป็นไป ตามที่เราปรารถนา อย่างเช่น สามีอยากให้ภรรยา รักตนเองให้มาก และให้มีขอบเขต แต่มัน ก็ไม่มีขอบเขต หรือภรรยา ก็มีความรัก ที่ไม่มีขอบเขตกับสามี หรือสามี ก็มีความรัก ที่ไม่มีขอบเขตกับภรรยา ดังนั้น พิษภัยความทุกข์ จึงเกิดขึ้น กับคนที่มีความรักมาก ท่านว่าปัญหาเหล่านี้ มันจะแก้ไม่ตก ถ้าหากเราไม่เข้าหาธรรมะ เพราะมันจะเอียง ไปทางที่เป็นทุกข์อยู่เรื่อย อย่างเช่น เราอยากจะให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ตรงกับความต้องการ แต่มันก็ ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ท่านว่า นี่แหละชีวิตของคนที่ไม่มีธรรมะ มันก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น แม้แต่ความรัก มันก็จะเป็นเรื่องใหญ่โต และมีความทุกข์เข้ามาแทรกซ้อน อยู่ทุกลมหายใจ

ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ในบางครั้งท่านว่า แม้แต่คนที่เรารักเจ็บป่วย หรือเป็นอะไรขึ้นมา เราก็จะเป็นทุกข์กับคนรักด้วย อย่างเช่น รู้สึกทรมานจิตใจ หรือรู้สึกเจ็บหัวใจ เพราะไม่อยากให้คนรัก เจ็บป่วย หรือไม่อยากให้คนรักตายไป เราอยากให้เขาอยู่กับเราตลอด ดังนั้นเมื่อรักมาก จึงห่วงมาก สุดท้าย ก็เป็นทุกข์อยู่คนเดียว ท่านว่าบางคู่นั้น จะมีความรัก ความเข้าใจกัน ในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่เมื่ออยู่นานๆ กันไป ก็จะไม่เข้าใจกัน เหตุที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะ มันเกินเลย ไม่มีขอบเขต จึงทำให้คนทั้งสอง มีปัญหาหัวใจ และที่มีความทุกข์ ก็เพราะหวง เพราะกังวล และไม่ได้ อย่างที่ใจต้องการ ท่านว่า แม้แต่ความรัก ที่สาบานกันเอาไว้ ว่าจะรักกันไปจนวันตาย สุดท้าย ก็ยังทิ้งกันได้ เพราะคนเรา เมื่อเกิดมาแล้ว ยังไงก็ต้องตายจากกัน ไม่มีอะไร จะเที่ยงแท้แน่นอน ฉะนั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง จะเป็นไป ตามที่สัญญาเอาไว้

ถ้าเราเป็นคนที่มีธรรมะ เมื่อเราไม่มีใครมารัก หรือมาหวงเรา เราก็จะไม่รู้สึกเป็นไรมาก เพราะเราจะอยู่กับธรรมะได้ และจะคิดว่าเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้สร้างบารมี และได้คบหาคนดีเป็นมิตร ท่านว่าถ้าเราฝืนทนอยู่ กับคนที่เขาไม่รัก และไม่จริงใจด้วย แบบนี้ ก็เป็นความคิดที่ผิด เพราะจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่ถ้าเรามีธรรมะประจำใจ เราก็จะปลงตก อย่างเช่น หากคนรักคิดนอกใจ เราก็จะไม่โกรธแค้น ไม่โมโห เราจะปล่อยวางได้ง่าย และจะคิดว่า หมดห่วงเสียที เราจะได้เข้าหาธรรมะง่ายขึ้น เพราะการอยู่กับคนที่ไม่ดี อยู่กับคนสองจิตสองใจแบบนี่ ย่อมจะไม่มีความสุข เราควรจะไปอยู่กับธรรมะดีกว่า ท่านว่า ถ้าเราฉลาดคิดแบบนี้ เราก็จะสลัดทิ้งได้ง่าย เหมือนกับทิ้งผ้าขี้ริ้ว แต่เราถ้าไม่ฉลาดคิด เราก็จะเป็นทุกข์ เราจะตกเป็นทาสของความรัก ของความหึงหวง แล้วสุดท้าย เราก็จะทะเลาะกัน ทำร้ายกัน และคนที่จะเป็นทุกข์ เพราะความรัก ก็คือตัวเราเอง

ท่านว่า การมีสติระลึกรู้ และการระวังใจตัวเอง เราจะต้องหมั่นฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ เพราะมันจะทำให้เรามีความสุขได้ ซึ่งธรรมะคำสอน ของพระพุทธเจ้านั้น เป็นหลักยึดเหนี่ยว ที่ทำให้ใจเราร่มเย็นเป็นสุขได้ ท่านว่า หากเรามีความสุขสงบครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นทุน เป็นปัจจัย ที่ฝังลึก ลงไปในหัวใจเรา ว่าทางหนดับทุกข์ มีทางเดิน แต่ที่เรายังวุ่นวายอยู่นี่ ก็เพราะเรา ยังเดินไปไม่ถึง เรายังอยู่กับความวุ่นวาย ฉะนั้น เราต้องละความห่วง ความกังวล ให้มันน้อยลง มันจะได้สิ้นความทุกข์ไป และการมีธรรมะฝึกอบรมใจนี้ ก็จะช่วยให้จิตใจของเรามีพื้นฐาน เมื่อเรามีความทุกข์ ก็จะได้ไม่ไปทุกข์กับมัน และจะทำให้เราจะรู้ทันอารมณ์ รู้ทันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการมีธรรมะนี้ ย่อมจะทำให้เราได้เปรียบ ฉะนั้น เราต้องพยายามฝึกใจ ฝึกให้เห็นธรรม ให้รู้ธรรมที่ใจ เพราะความทุกข์มันเกิดที่ใจ เราจะก็ต้องแก้ปัญหาที่ใจ ด้วยความคิดในทางธรรม และแก้ปัญหาด้วยการภาวนา ทำใจให้เย็นลง สงบลง แล้วภาวนาให้มากๆ ใจของเรา ก็จะสบายไปเอง จิตจะไม่สับสน ไม่กังวล ความห่วง ก็จะลดน้อยถอยลงไป เพราะเรามีปัญญาที่จะตัดใจได้ ดังนั้นจงคิดเสียว่า เราเกิดมาคนเดียว เราก็ต้องตายคนเดียว ห่วงกันไป ก็แค่นั้น เราช่วยอะไรกันไม่ได้ ท่านว่าเมื่อเรามีปัญญา เราก็จะปลงตก แต่ถ้าเราไม่มีปัญญา เราก็จะเป็นทุกข์คนเดียว ฉะนั้นธรรมะนี้ จึงแก้ปัญหาหัวใจของเรา ได้เป็นอย่างดี

ถ้าเราไม่อยากเป็นทุกข์ เพราะความรัก เราจะต้องรู้จักบั่นทอน ตัดกิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ให้มันลดน้อยถอยลงไป และขัดเกลาให้มันว่าง ให้มันสงบ จากหนัก ให้มันกลายเป็นเบา และเมื่อมันเบาลง มันก็จะเกิดความปล่อยวาง แล้วมันก็จะสบายขึ้น เพราะเรารู้ทันว่า อะไรควรคิด อะไรไม่ควรคิด และอะไรควรรับ อะไรไม่ควรรับ เพราะการไปห่วง ไปรัก ไปกังวลคนอื่นมากเกินไป มันก็จะเป็นทุกข์มาก เขาจะเป็นอะไร จะทำอะไรก็ช่างเขา เราต้องตัดใจให้ได้ เราเกิดคนเดียว เราก็ตายคนเดียว กรรมใครกรรมมัน เขาทำบุญไว้ เขาก็ต้องไปดี เขาทำบาปไว้ เขาก็ต้องไปตามกรรมของเขา ฉะนั้น ท่านว่า ถ้าเรายังช่วยใจตัวเอง ให้สงบไม่ได้ เราก็ช่วยคนอื่นไม่ได้ เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน และเมื่อช่วยเหลือตนเองได้แล้ว เราก็ค่อยไปก็ช่วยเหลือคนอื่น ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขันธ์ 5 คืออะไร ทำไมคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเรียนรู้ขันธ์ 5

สิริมงคล 8 ประการ เสริมบุญบารมี ให้ชีวิตรุ่งเรืองตลอดไป

มงคลชีวิต 4 ประการ หนทางสู่ความสำเร็จ

วิธีอ่านใจคน ศาสตร์เรียนรู้จุดอ่อน ด้วยจริต 6 ประการ

ฆราวาสธรรม 4 ประการ ธรรมะที่นำพาชีวิตให้ร่ำรวย