สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จงอย่าดูถูกเหยียดหยามกัน

PURIFILM สร้างแรงบันดาลใจ ให้คติธรรม นำพลังสร้างชีวิต



สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม คลิบนี้นะครับผมจะมาพูดคุย ในเรื่องของข้อคิดข้อธรรมที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งในเรื่องนี้ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า เราทั้งหลายต่างก็เกิดมาด้วยวาสนา ที่มีบุญพอจะได้เป็นมนุษย์อย่างเต็มภูมิ ดังที่เรารู้อยู่แก่ใจ ฉะนั้นจงอย่าลืมตัวลืมวาสนา และอย่าลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อ เพราะไม่อย่างนั้น ภพชาติที่เราเคยเป็นมนุษย์ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ แล้วกลับกลายเป็นชาติที่ต่ำทราม ท่านว่าความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม หรือความทุกข์ ความสุขเหล่านี้ ล้วนเกิดได้กับเราทุกคน จงอย่าเข้าใจว่า มีเฉพาะ ผู้ที่กำลังเสวยอยู่เท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ มันเป็นสมบัติกลาง ดังนั้นจงอย่าดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นคนอื่นกำลังตกทุกข์ได้ยาก หรือกำลังยากจน จนน่าทุเรศ ก็อย่าไปซ้ำเติมเขา เพราะเราอาจจะมีเวลาเป็นแบบนั้น หรืออาจจะยิ่งกว่านั้นก็เป็นได้ ท่านว่าเมื่อถึงวาระเข้าจริงๆ ย่อมไม่มีใครที่จะมีอำนาจหลีกเลี่ยงไปได้ เพราะกรรมดีกรรมชั่ว เรามีทางที่จะสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น และผู้อื่นก็มีทางเป็นไปได้ เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น



ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า กรรมนั้นเป็นของลึกลับ และมีอำนาจเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่มีผู้ใดที่จะหนีกฎแห่งกรรมไปได้ ท่านว่าถ้าเราสามารถ รู้เห็นกรรมดีกรรมชั่ว ที่เราและคนอื่นทำ เหมือนเห็นวัตถุต่างๆ เราก็จะไม่กล้าทำบาป แต่จะกระตือรือร้นหันมาทำความดีแทน ซึ่งจะทำให้ความเดือนร้อน ในโลกใบนี้ลดน้อยลงไปได้ เพราะต่างคนต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย ท่านว่าความดี ความชั่วนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยๆ จนเคยชิน และเมื่อเคยชินแล้ว ก็จะกลายเป็นนิสัย ซึ่งถ้าเป็นฝ่ายชั่ว ก็จะแก้ไขยาก ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์ เราก็อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ เพราะไม่อย่างนั้น มนุษย์เราก็จะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกด้วย ท่านว่าจงอย่าลงมือทำความชั่ว ให้หมั่นบำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี ที่มีบุญวาสนาได้เกิดมาเป็นมนุษย์ อย่าให้ชีวิตสูญไปเปล่า ซึ่งการทำความเข้าใจเรื่องกรรมนั้น เป็นการศึกษาธรรมะ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับภาวะของตัวเอง เพราะเราจะต้องเป็นไป ตามกรรมที่ได้ทำไว้ ดังสุภาษิตที่มีว่า กรรมจำแนกสัตว์ ให้ทรามและประณีตต่างกัน ท่านว่าผู้ที่สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อว่ากรรมมีผล คือ คนที่ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอด แม้จะเกิดและได้รับการเลี้ยงดู จากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี ก็จะมองไม่เห็นคุณของพ่อแม่ ว่าได้ให้กำเนิด และเลี้ยงดูมาอย่างไรบ้าง

ท่านว่า การดื่มกินนั้น เป็นการสร้างสุขภาพ และความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย ไม่จัดว่าเป็นกรรม ส่วนกรรม ก็คือ การกระทำดี กระทำชั่ว ทางกาย วาจา และใจ และผลจริงที่ได้รับ ก็คือ ความสุข ความทุกข์ ส่วนสัตว์ผู้ไม่รู้จักกรรม รู้แต่การกระทำ คือ การหากิน ซึ่งในทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ ของบุคคล ดังนั้นเราควรมีความเมตตาสงสาร ในสัตว์ทั้งหลาย เพราะมีการเกิด แก่ เจ็บ และตาย เช่นเดียวกับเรา ท่านว่าความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้น ก็มีได้ทั้งคน และสัตว์ ซึ่งสัตว์บางตัว ก็อาจจะมีวาสนาบารมี และอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน แต่เขาอาจจะตกอยู่ ในภาวะความเป็นสัตว์ต้องรับผลกรรมนั้น ก็เลยต้องจำทนรับเสวยไป ซึ่งสัตว์เดรัจฉานก็เหมือนกัน มันก็เสวยกรรมไปตามวิบากของมัน ตามวาระที่เวียนมาถึง มนุษย์เราก็เช่นกัน บางครั้งอาจจะตกอยู่ในความทุกข์ ความยากลำบาก เราก็ต้องจำทน จนกว่าจะสิ้นกรรม อาจะมีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ให้เรา ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิด ความเป็นอยู่ของกันและกัน เพราะสัตว์ทั้งหลาย มีทั้งกรรมดี กรรมชั่วเป็นของตัวเอง

เราจะต้องเร่งทำความดีตั้งแต่บัดนี้ เพราะสิ่งต่างๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มันไม่ใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา ซึ่งในโลกที่เราแสวงหามา หากหามาแบบทุจริต มันก็จะเป็นไฟเผาตัวเอง ท่านว่า ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับความฉลาด และความโง่เขลาของแต่ละคน เราอย่าไปสำคัญตนเองว่า เราเก่งกาจฉลาดรู้กว่าคนอื่น ถึงกับสร้างความมืดมิด ปิดตาทับถมตัวเอง เพราะเมื่อถึงเวลาจนตรอก เราอาจจะจนยิ่งกว่าสัตว์ก็เป็นได้ ดังนั้นเราจะต้องเตรียมไว้ตั้งแต่บัดนี้ ท่านว่าคนที่ฉลาดจะปกครองตนเอง ให้มีความสุข และปลอดภัย โดยไม่จำเป็นจะต้องแสวงหาทรัพย์อย่างมากมาย หรือเที่ยวไปกอบโกยเงินทอง มาเป็นเครื่องบำรุงบำเรอตัวเอง แต่ผู้ที่มีสมบัติพอประมาณในทางที่ชอบ จะมีความสุขมากกว่า คนที่หามาได้ในทางมิชอบ

คนที่หิวจะอยู่ไม่เป็นปกติสุข เขาจะวิ่งหาโน่นหานี่ตลอดเวลา เมื่อเจออะไรก็จะคว้าติดมือมาด้วย ไม่สำนึกว่าถูก หรือผิด ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามา ก็จะมาเผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ ท่านว่าความมั่งมีศรีสุข จะไม่บังเกิดแก่ผู้ทุจริต เมื่อสร้างกรรมชั่วมากเท่าไร ก็ย่อมจะหมดไปในวันใดวันหนึ่ง ดังเช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ที่สร้างบาปกรรมหนักเอาไว้ ผลกรรมก็จะตกไปสู่ลูกหลาน ฉะนั้นผู้ทุจริตเบียดเบียน และรังแกผู้อื่น จึงหาความสุขความเจริญได้ยาก ดังคำที่ว่า กมฺมุนา วตฺตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม พระพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ เป็นคำตอบที่ชัดแจ้ง สำหรับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ว่าทำไมโลกเราทุกวันนี้ จึงร้อนนัก และเต็มไปด้วยความเลวร้ายต่างๆ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และความเมตตากรุณา ก็สิ้นจากจิตใจคน รวมทั้งความขาดแคลน ความทุกข์ยาก ความกตัญญูก็สิ้นสูญ ทำให้คนตกอยู่ในสภาพอดยาก และเป็นทุกข์อย่างมาก ท่านว่าเหตุที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิดในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขันธ์ 5 คืออะไร ทำไมคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเรียนรู้ขันธ์ 5

สิริมงคล 8 ประการ เสริมบุญบารมี ให้ชีวิตรุ่งเรืองตลอดไป

มงคลชีวิต 4 ประการ หนทางสู่ความสำเร็จ

วิธีอ่านใจคน ศาสตร์เรียนรู้จุดอ่อน ด้วยจริต 6 ประการ

ฆราวาสธรรม 4 ประการ ธรรมะที่นำพาชีวิตให้ร่ำรวย